วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวตามรอยละครเกมร้ายเกมรัก แวะชมงานรำลึก 100 ปี เกาะสีชัง


หากไม่ยึดติดว่าหลักกิโลฯ ที่เพิ่มขึ้น คือมาตรวัดการเดินทางเก็บเกี่ยวความสุขที่แท้จริง สถานที่ท่องเที่ยวหลายแหล่งใกล้กรุง ต่างก็มีความสวยงามและมีคุณค่าเพียงพอต่อการไปเยือน ยิ่งในวันที่ราคาน้ำมันพุ่งแพงลิ่วๆ จนฉุดไม่อยู่ ลองหันมาเที่ยวแบบใกล้ๆ ใช้เวลาสบายๆ ในวันหยุดชิลล์ๆ กับแหล่งท่องเที่ยวที่ห่างจากเมืองกรุงแค่ร้อยกว่ากิโลเมตรเกาะสีชัง จ. ชลบุรี เกาะสุดคลาสสิกที่ติด 1 ใน 10 เกาะที่ดีที่สุดสำหรับคู่ฮันนีมูน โดยหนังสือพิมพ์ The Guardian ประเทศอังกฤษ ตามคำชวนของพี่ๆ ใจดี จาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา และกองประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงนิดๆ เราก็ถึง อ. ศรีราชา ก่อนเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา อ๊ะๆ อย่าเพิ่งใจผิดว่ามีไข้ป่วยไข้ในทริปนี้นะครับ แต่เราจะพาไปชมแหล่งท่องเที่ยวภายในโรงพยาบาลกันต่างหาก
ในโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นอกจากจะเป็นสถานที่เปิดรักษาประชาชนที่เจ็บไข้ได้ป่วยในท้องถิ่นและพื้นทีใกล้เคียงแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี (ตึกพระพันวัสสา)ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2445 ด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า แลเนื่องจากในโอกาสเฉลิมฉลองวาระครบ 150 ปี พระราชสมภพของพระองค์ พวกเราจึงได้แวะมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ เพื่อซึมซับเรื่องราวพระราชประวัติของพระองค์ ผู้มีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวศรีราชาอย่างหาที่สุดมิได้
การจัดแสดงนิทรรศการภายในอาคารพระพันวัสสา มีทั้งหมด 4 หัวข้อ 4 ห้องด้วยกัน โดยเมื่อเราเดินผ่านบันไดวนขึ้นไปบนชั้น 2 ของตึกพระพันวะสา เราทุกคนต่างสะดุดตากับภาพพระบรมรูปสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ที่ตั้งอยู่ในส่วนห้องโถงด้านหน้า เป็นพระบรมรูปที่จัดไว้ด้านหน้าพระบรมโกศของพระองค์ ก่อนเดินตัดออกไป ชมห้องนิทรรศการที่ 1 พระบรมราชเทวีศรีเบญจมรัช จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติของสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในฐานันดรศักดิ์และพระอิสริยยศในแต่ละรัชกาล ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ นอกจากนี้ยังจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ที่มีตราสัญญลักษณ์พระนามย่อ "ส.ว." อย่างเช่นเครื่องเรือน โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า เก้าอี้ ซึ่งทำด้วยไม้ชิงชันและหวาย แบบยุโรป เครื่องกระเบื้องชุดสรงพระพักตร์ แจกันทรงสูง เหยือกน้ำ อ่างล้างหน้า กระโถนมีฝาปิด และกล่องใส่สบู่ กาน้ำชา เป็นต้น
จากนั้นเดินต่อไป ห้องที่ 2 สว่างวัฒนา ธ การุณย์ จัดแสดงเรื่องราวในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ที่ทรงมีต่อทางการแพทย์เพื่อรักษาประชาชนในถิ่นธุรกันดาร ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน งานสังคมสงเคราะห์ ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เสื้อผ้า อาหารและยารักษาโรคแก่ประชาชนในยามที่บ้านเมืองและประชาชนมีความเดือดร้อน ซึ่งภายในห้องนี้มีการจัดแสดงโมเดลจำลองสถานการณ์งานสังคมสงเคราะห์ของพระองค์ไว้ งานสภากาชาดไทย ทรงริเริ่มจัดตั้งสภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม ซึ่งคือ สภากาชาดไทยในปัจจุบัน และยังทรงดำรงตำแหน่งองค์สภาชนนีตั้งแต่เริ่มจัดตั้ง ในปี พ.ศ.2436 ใกล้กันเป็นห้องที่ 3 จรุงบุณย์ สู่ ศรีราชา จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพระตำหนักที่ประทับในสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ณ ศรีราชา ซึ่งเสด็จไปประทับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2440 ที่ประทับเดิมแห่งแรกอยู่ที่บางพระ และแห่งที่ 2 คือ พระตำหนักที่ศรีราชา สร้างถวายโดยเจ้าพระยาสุรศักดิ์ (เจิม แสงชูโต) และห้องสุดท้ายคือ 
ห้องที่ 4 อนุสรณ์ใต้ฝ่าละอองพระบาท จัดแสดงเกี่ยวกับโรงพยาบาลสมเด็จฯ เป็นภาพแสดงโรงพยาบาลครั้งแรกที่สร้างอยู่ในน้ำ จนย้ายขึ้นมาอยู่บนบก นอกจากนี้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของโรงพยาบาลในสมัยก่อน อย่างเช่น ตะเกียงน้ำมัน เตาต้มน้ำทองเหลือง เต้าใส่กาน้ำชา ทรงถัง ระฆังทองเหลือง เป็นต้น 
จากนั้นเรามุ่งหน้าต่อไปยังท่าเรือ "เกาะลอย" เพื่อขึ้นเรือโดยสารข้ามไปยังเกาะสีชัง ท้องฟ้ากว้างใหญ่ สายลมแผ่วเบาที่หอบเอาน้ำเค็มขึ้นมาช่างพาให้กายใจรู้สึกผ่อนคลาย สำหรับเรือข้ามฟากไปเกาะสีชังนั้น มีทั้งเรือโดยสารธรรมดา ซึ่งออกทุกๆ 1 ชั่วโมง  ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็จะถึงเกาะสีชัง สนนราคาคนละ 40 บาท หรือหากชอบความรวดเร็ว อยากไปสัมผัสฟ้าสวย ทะเลใสไวๆ ก็สามารถนั่งเรือสปี๊ดโบ๊ทวิ่งฉิวไปเลย นั่กท่องเที่ยวสามารถสอบถามและต่อรองราคาจากเรือให้บริการตรงท่าเรือเกาะลอยได้เลย
ระหว่างทางเดินข้ามไปเกาะ เราตื่นตาตื่นใจไปกับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ และมองเห็นเกาะต่างๆ อยู่เบื้องหน้า อาทิ เกาะขามน้อย เกาะขามใหญ่ แต่ แหม! ใช้เวลาเม้าท์มอยกับแก๊งค์เพื่อนยังไม่ทันจบ ก็มาถึงท่าเรือเกาะสีชังซะแล้ว ทันทีที่ย่างเท้าก้าวขึ้นท่าเรือชุมชนเกาะสีชัง เราก็เริ่มสัมผัสได้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์ บรรยากาศการท่องเที่ยวแบบท้องถิ่น มิตรภาพ รอยยิ้มและน้ำใจที่มีให้พบเห็นกันโดยทั่วไปบนเกาะแห่งนี้
เกาะสีชัง เป็นเกาะใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 25 ตารากิโลเมตร ตามประวัตินั้น สีชังเป็นดินแดนที่มีผู้คนอยู่อาศัยมานานกว่าร้อยปี แม้แต่พระมหากษัตร์ย์ไทยในอดีต คือรัชกาลที่ 4, รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ก็ยังทรงโปรดปรานเสด็จมาประพาสพักผ่อนและใช้เป็นที่พักตากอากาศพักฟื้นยอดนิยมของทั้งชาวไทยและต่างชาติ ว่ากันว่า สมัยก่อนสีชังเป็นเกาะที่มีอากาศดี ประชาชนที่อยู่อาศัยบนเกาะแห่งนี้ แต่ละคนล้วนมีอายุยืนเกิน 100 ปีขึ้นไปก็มีเยอะ (ถ้าใครอยากมีอายุเกิน 100 ปีมาเที่ยวที่นี่น่าจะเวิร์ค) โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุฒิ ทรงประชวรและมีอาการมากที่สุด จึงต้องประทับอยู่ ณ เกาะสีชัง ทำให้รัชกาลที่ 5 เสด็จมาทรงอภิบาลพระโอรสอยู่นานแรมปีและเป็นโอกาสที่พระองค์ได้พระราชทานความเจริญนานัปประการบนเกาะนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถนนหนทางหรือสิ่งก่อสร้างบนเกาะสีชังถึงมีแต่ชื่ออัษฎางค์เสียเป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้ยังได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างตึก 3 ชั้นขึ้นสำหรับใช้เป็นที่พักฟื้นผู้ป่วย นามว่าว่า ตึกวัฒนา, ตึกผ่องศรี, ตึกอภิรมย์ อีกด้วย ต่อมาพระองค์ได้สร้างพระราชฐานขึ้นเป็นที่ประทับในฤดูร้อน พระราชทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชราชธราดิลก พระโอรสซึ่งประสูติ ณ เกาะสีชัง อีกทั้งยังได้ทรงโปรดฯ ให้สร้างพระราชฐานขึ้นที่นี่ ตั้งชื่อว่า พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ แต่ยังสร้างไม่เสร็จก็ถูกฝรั่งเศสเข้ามารุกรานในเหตุการณ์ ร.ศ. 112 เสียก่อน พระองค์จึงทรงโปรดฯ ให้รื้อมาสร้างใหม่ในเขตพระราชวังสวนดุสิต กลายเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆ พระที่นั่งไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกและงดงามวิจิตรที่สุดในปัจจุบัน 
จากนั้นพวกเราได้ไปเที่ยวชมรีสอร์ตสำรวจแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง ชมพระราชวังที่สร้างในสมัยรัชการที่ 5 เริ่มต้นกันที่ พระจุฑาธุชราชฐาน เป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวเกาะสีชัง ห่างจากท่าเรือเทววงศ์มาทางตอนใต้ของเกาะ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับฤดูร้อน ภายในบริเวณมีสภาพภูมิทัศน์สวยงาม
ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวังมี ‘สะพานอัษฎางค์' สะพานสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดตัวยาวลงสู่ทะเลเป็นไฮไลท์ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเป็นประจำ ยิ่งถ้าวันไหนท้องฟ้าและท้องทะเลเป็นใจ สีขาวของสะพานจะตัดกับสีครามของท้องฟ้าและสีน้ำเงินของท้องทะเลดูสวยงามยิ่งนัก ถัดจากสะพานอัษฏางค์ไม่ไกลนักเป็นที่ตั้งของ ‘พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์' ซึ่งปัจจุบันยังคงสภาพให้เห็นกันแต่เพียงฐานของตัวพระที่นั่งเท่านั้น
ถัดขึ้นไปเป็น ตึกวัฒนา พระตำหนักทรงปั้นหยา เรือนไม้ลดลายขนมปังขิง ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม ตึกอภิรมย์ และ วัดอัษฏางค์นิมิตร ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาจุลจอมเกล้า โดดเด่นด้วยอุโบสถสีขาวเนียนที่มีเจดีซ้อนอยู่ ประดับรายละเอียดทางศิลปกรรมด้วยศิลปะแบบโกธิก หรือหากเดินลงเขาไปเรื่อยๆ จะเจอหินระฆัง อย่าลืมเข้าไปแวะเคาะดูนะ หินอะไรก็ไม่รู้ เสียงดังกังวานเหมือนระฆังเลย
ต่อจากนั้นพวกเรานั่งรถสองแถวเดินทางต่อยัง หาดถ้ำเขาพัง เป็นชายหาดเล็กๆ ทรายละเอียด สวยงาม และสะอาด น้ำใสแจ๋ว เหมาะแก่การลงเล่นน้ำมาก บรรยากาศคึกคักไม่แพ้หาดบางแสน เป็นแหล่งรวมเครื่องเล่นบันเทิงเริงใจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น เรือกล้วย ร้านเช้าห่วงยาง เก้าอี้ผ้าใบ ร่มชายหาด รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม และถ้าอยากได้รูปสวยๆ เป็นที่ระลึกก็ต้องขึ้นไปบนจุดชมวิวบนศาลาริมผาเหนือหาดจะสามารถถ่ายรูปหาดถ้าพังได้สวยที่สุด
หลังจากเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชังจนหนำใจแล้ว เราก็เดินทางเข้าพักที่ ปารีฮัท รีสอร์ท 1 ใน 50 รีสอร์ทสุดโรแมนตินในประเทศไทยและใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละครหลายต่อหลายเรื่อง อาทิ ปืนใหญ่โจรสลัด เกมร้ายเกมรัก ทางช่อง 3 ชิงชัง ทางช่อง 5 เป็นต้น หากคุณเป็นคนหนึ่งหลงใหลในบรรยากาศของท้องทะเล และเกลียวคลื่น นอนชมดาว นับเดือน เราอยากแนะนำให้คุณพาตัวเองมาที่ ปารีฮัมรีสอร์ต มานอนชิดอิงแอบในกระท่อมไม่ไผ่สไตล์บอร์เนียวหลังคามุงจากสักคืนสองคืน แล้วหากิจกรรมสนุกๆ ทำดูสักครึ่งค่อนวัน อาจจะเป็นพายเรือคายัค ลอยคอดำน้ำดูปะการัง กระโดดผาว่ายน้ำ ตกหมึกวัดใจ หรือแม้กระทั่งเพียงเอนกายแนบเปลไกวกับหนังสือคู่ใจสักเล่ม เท่านี้แหละ! คุณก็จะได้สัมผัสความสุข ความสนุก และความเป็นส่วนตัวในบรรยากาศที่แตกต่าง
มาเที่ยวเกาะสีชังครั้งนี้ถือว่า โชคดีๆ มากครับ เพราะพวกเราได้มีโอกาสร่วมเป็นหนึ่งในงานประจำปี "วันรำลึก 100 ปี เกาะสีชัง" ประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา ณ บริเวณพระจุฑาธุราชฐาน ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 แล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เพื่อน้อมรำลึกถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 5 พระปิยะมหาราชของปวงชนชาวไทย และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่แผ่ไพศาลไปทั่วดินแดนเกาะสีชัง  
บรรยากาศภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ ในช่วงบ่ายของวันที่ 20 กันยายน ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพิธีบวงสรวงเสด็จพ่อ ร.5 และการถวายพานพุ่ม (ดอกกุหลาบสีชมพู) ณ พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ส่วนยามเย็นก็มีการประกวดหนูน้อยย้อนยุคเกาะสีชัง การประกวดแต่งกายย้อนยุคสาวงาม 100 ปี เกาะสีชัง การแสดงศิลปวัฒนธรรมนาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก โจหลุยส์ พร้อมพิธีเปิดงาน โดยได้รับเกียรติจาก นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดงาน 
งานนี้ชาวบ้านบนเกาะสีชัง และนักท่องเที่ยวทุกคนต่างรวมใจกันแต่งกายย้อนยุคสมัยในรัชกาลที่ 4, 5 และ 6 ด้วยเสื้อผ้ามันหลากสี ให้อารมณ์เหมือนเรานั่งไทม์แมทชีนย้อนเวลากลับสู่อดีตยังไงยั้งงั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนหากไม่มีเสื้อผ้ามันหลากสีใส่ในวันนั้น ก็สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าในตลาดชุมชนได้ เพราะมีร้านขายอยู่หลายร้านและราคาสมน้ำสมเนื่อพอๆ กับบนฝั่ง
ยามค่ำคืนชาวบ้านเกาะสีชังแต่งตัวด้วยผ้ามันย้อนยุคสีสันฉุดฉาด พร้อมนำอาหารขึ้นชื่อในท้องถิ่นของตัวเองออกมาวางจำหน่ายตามซุ้มต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้อุดหนุน ต้องขอบอกว่า ทุกอย่างอร่อยมาก รสชาติขั้นเทพ จนอยากแนะนำให้ลองมาชิมกันดูจริงๆ
สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากแต่งตัวย้อนยุคถ่ายรูปแบบเก๋ๆ และ ชม ชิม ชอปของกินขึ้นชื่อสุดอร่อยบนเกาะสีชัง ปีหน้าสามารถแวะมาเยือนกันได้ งานนี้เขาจัดตรงกับวันที่ 20 กันยายน เป็นประจำทุกปี เนื่องในโอกาสวันพระราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่5) รับรองสนุก และประทับใจจนต้องกลับไปบอกต่อแน่นอน  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น